พรุ่งนี้[Ts.6] - พรุ่งนี้[Ts.6] นิยาย พรุ่งนี้[Ts.6] : Dek-D.com - Writer

    พรุ่งนี้[Ts.6]

    จิ้น...ตามเด็ก แต่ก็ขอเป็นนนักเขียนเงา(เพราะเป็นนักอ่านเงามาก่อน) ***บุคล-สถานที่ที่พูดถึงนี้เป็นสถานที่ใกล้เคียงกัน อ้างอิงเพื่อให้สมจริงเท่านั้น มิได้มีเจตนาสร้างความเสียหาย(ผมก็เป็นลูกค้าคุณทั้งนั้นนะ)

    ผู้เข้าชมรวม

    160

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    160

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 มี.ค. 54 / 03:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      24 มกราคม 2562

      Tonoz
      "ฮัลโหล ตัวเล็ก ถึงละยังคับ .....อ่อไม่เป็ฯไร พี่กำลังมาถึงเหมือนกัน........ครับผม เจอกันนะตัวเล็ก"

      ปึง!!!
      เสียงประตูรถกระแทกปิดกันอย่างแรง ผมอุทานเล็กน้อย ลอคประตูรถ อดขำกับความห่ามของตัวเองที่แก้ไม่หายซักทีจนวันนี้ แล้วหอบหิ้วของพะรุงพะรังไปยังตึกสูงใจกลางย่านอโศก แล้วก้มหน้าก้มตาเดิน จัดข้าวของที่ถือให้สะดวกที่สุด

      ผมแวะไปฝากของไว้ที่ร้านกาแฟใต้ตึก ที่ตอนนี้"เซน"ได้ผันตัวเองมาเปิดร้านกาแฟเล็กๆกับเก่งใต้ตึก ล่วงเล่ยมาเกือบสิบปีแล้ว รุ่นน้องเดอะสตาร์ก็มีกันหลายรุ่น แต่แฟนคลับของเซนก็ยังคงเหนียวแน่น แวะเวียนกันมาอุดหนุน น้องๆหลายคนก็มีการมีงานทำ ออฟฟิศก็อยู่ใกล้ๆบางคนก็เข้ามาเป็นพนักงานในตึกแกรมมี่ แน่นอน คนพวกนี้ยังคงแวะเวียนกันมาหา ทักทาย และแฟนคลับของคนอื่นๆก็ใช้ร้านนี้เป็ฯสื่อกลางของการฝากความคิดถึงให้กับพวกเรา

      "พี่โตโน่ มาครับ เซนช่วยถือ"
      "ขอบใจมากเซน  แล้วเก่งละ "
      "พี่เก่งกลับไปโรงบาลแล้วครับ มีคนไข้รอตรวจ"
      "อืมไม่เป็นไร เดี๋ยวเย็นนี้ก็ได้เจอกันแล้วเนอะ"

      เก่งย้ายมาเป็นหมอประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก ทุกเวลาพัก เก่งก็จะเดินมาพักที่ร้านกาแฟของเซนเป็นประจำ และเก่งเองก็ยังคงทำงานเพลงอยู่บ้างตามจังหวะและโอกาส

      ผมทักทายพี่ๆช่างแต่งหน้า พี่ช่างภาพ ที่มารอเพื่อที่จะถ่ายภาพงานเซทนี้ให้กับผม และผมก็ปลีกตัวมาเตรียมของสำหรับถ่ายทำงานในวันนี้ ค่อยๆบรรจงแกะชุดสูท มาตรวจความเรียบร้อย แล้วพาพี่ๆทีมงานขึ้นไปรอยังห้องแต่งตัว
      "ว่าไงโตโน่ ไม่เจอกันนานเลยนะ พุงย้อยแล้วนะเรา"                พีๆ staff The star ทักทายหยอกเย้า แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผมก็ยังรู้สึกขอบคุณพี่ๆที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้
      "แรงอ่ะเจ๊ตั้ม" ผมตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ผมมาทำธรกิจส่วนตัว เลยไม่ค่อยมีเวลาดูแลรักษาตัวเอง
      "ไม่เคยมีศิลปินคนไหนคิดที่จะมาถ่ายรูปคู่แต่งงานกันที่นี่เลยนะ น่ารักจริงๆ ตื่นเต้นปนอิจฉากันทั้งบริษัทแล้ว"
      พี่ทีมงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ผมฝากช่อดอกไม้และอุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพอื่นๆไว้กับรถเข็น แต่ชุดสูทสองชุดนี้ ผมถือไว้ไม่ยอมให้ห่างตัวแม้แต่น้อย

      เมื่อลิฟท์เปิดมาถึงชั้น23 ความทรงจำเก่าๆก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อสิบปีที่แล้ว พวกเรายังเป็ฯเด็กๆวิ่งซน แหกปากร้องเพลงกันอย่เลย  ริมหน้าตางที่มองไปเห็นคอนโดที่เราเคยพักเมื่อตอนพวกเราต้องเก็บตัว ที่พวกเรามักจะเขียนใส่กระทานแล้วไปทาบกระจกเพื่อสื่อสารกับอีกคนที่ยังอยู่ในคอนโด มั้งตามให้รีบมาซ้อมร้องเพลง หรือแซวกันเล่นๆ จนช่วงหลังๆ เล่นข้อความที่แรงเกินไป จนกลายเป็นข่าว ทำให้พวกเราถูกสั่งห้ามเขียนกระดานติดต่อกันอีก

      ผมจึงตกลงกับริทว่า เราจะมาถ่ายภาพแต่งงานกันที่นี่ เพราะพวกเราเจอกันที่นี่ อยู่กินด้วยกัน ณ ที่ตรงนี้ ความทรงจำดีดีหลายอย่างเกิดขึ้นจากที่นี่ทั้งสิ้น...

      ความรู้สึกดีดีระหว่างผมกับริทเกิดขึ้นเมื่อริทต้องกลับไปเรียนต่อ ทำให้เราห่างกัน ตั้งแต่นั้นมาผมก็แน่ใจแล้วว่า ความรู้สึกของผมจริงๆคืออะไร แม้ว่าช่วงเวลาก่อนหน้านั้น จะมีข่าวจับคู่ให้กับเราตลอดเวลา แต่เราก็ทำงานร่วมกับคนอื่นๆมากมาย ทำให้ความรู้สึกนั้นไม่ชัดเจนกับผมเลยแม้แต่น้อย ต่อมา ริทได้ทุนไปศึกษาต่อ ทีแรกริทไม่ยอมไปท่าเดียว แต่ผมอยากให้ริทรับโอกาสที่ดีเข้ามาในชีวิต เกลี้ยกล่อมสารพัดวิธีให้ริทไปเรียนต่อให้ได้  จนมาถึงวันนี้ ริทได้เป็นนักบรรยายสุขภาพที่เก่งมากคนหนึ่ง และริทก็ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคนที่จะทำตามความฝันของตัวเอง ริทได้รับเชิญให้มาจัดรายการที่แกรมมี่หลายครั้ง และผมก็ได้ฟังทุกครั้งเช่นกัน ผมเองก็ยังนึกสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้เตี้ยริท ที่เห็นมาแต่อ้อนแต่ออก ขี้นอยด์ไม่มีใครเกิน จะกลายมาเป็นคุณหมอชีวจิต ชนิดหาตัวจับยากคนหนึ่งของเมืองไทย

      ช่วงเวลาที่ริทเรียนอยู่ต่างประเทศ เราติดต่อกันทางอีเมล์แทบจะทุกวัน จนผมอดเป็นห่วงเรื่องการเรียนของเค้าไม่ได้ เมล์ของผมและริทเต็มอยู่หลายครั้ง แอบเปลี่ยนprofileตัวเองเพื่อให้ได้ความจุเพิ่มก็แล้ว ลมjunkก็แล้ว จะลบอันเก่าก็เสียดาย เราจึงตกลงกันสร้างอีเมล์ใหม่ขึ้นมาจนมีถึง6address

      ตอนนี้ผมทำธุรกิจงานแต่งงานเล็กๆ ขึ้นมา แม้ว่าผมจัดงานแต่งงานให้กับใครหลายๆคนมาแล้ว แต่พอมาถึงงานแต่งงานใครครั้งนี้ กลับทำให้ผมกดดันขึ้นมาอย่างพอไม่ถูก คิดงานทีไร หน้าเจ้าตัวเล็กก็ลอยมาทุกครั้ง
      เสียงโทรศัทพ์ดังขึ้น ทำให้ผมอุทานและหลุดอกจากภวังค์นั้นมา

      "ฮัลโหลน้องริท  ถึงรึยัง "

      "รออยู่ร้านไอ้เซนอะพี่โตโน่ รอกันอยู่"

      ในอีเมล์ฉบับหลังๆของริท เริ่มจะพูดถึงกันบ่อยขึ้ง อาจจะเพราะว่ากันไปเรียนต่อเหมือนกัน และข้ามเมืองมาเที่ยวหากันได้ง่าย ริทกับกันจึงเที่ยวเล่นด้วยกัน ภาพถ่ายแต่ละใบที่ส่งมาก็เริ่มมีริทคู่กับกับมาขึ้น

      แล้วริท-กัน ก็เป็นคนพิเศษของกันและกัน

      "มาแล้วคร้าบบบพี่โตโน่ ขอกอดหน่อย"

      ริทออกมาจากลิฟท์แล้ววิ่งกอดผมอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ติด อ้อมกอดนี้ยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ขอบตาของผมเริ่มรื้นขึ้นมา จึงผลักริทออก

      "กันละน้องริท"
      "ยังมาไม่ถึงเลยพี่โตโน่ แต่ริทอยากมากาพี่โตโน่ก่อน คิดถึงงงงง"  ริทสวมกอดกับผมอีกครั้ง แต่ก็มีเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ริทดังขึ้นมา

      "จ๋ากัน...ริทถึงแล้ว...พี่โตโน่ก็ถึงแล้ว...มากันหมดแล้ว...เหลือแค่กันคนเดียวนะคับ.....อ๋อถึงแล้วหรอ อ่าเดี่ยวริทไปรับนะ ไปรอที่ร้านไอ้เซนเลย จ้าาา"

      "พี่โตโน่เดี๋ยวริทไปกันก่อนนะครับ"

      "เดี๋ยวริท" ผมเรียกริทให้หันกลับมาเพราะมีบางอย่างจะให้
      "อ่านี่ การ์ดเชิญ พี่พิมพ์มาให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเผื่อเจอใครริทจะได้แจกเค้าเลย"

      "โห เร็วจังพี่โตโน่ ขอบคุณพี่โตโน่มากเลยนะพี่ ไม่ได้พี่โตโน่นี่ ริทแย่เลยนะเนี่ย"
      แล้วริมก็หยิบซองกับการ์ดขึ้นมาอย่างละหนึ่งอัน ผมยืนมองการกระทำของริทเงียบๆ ริทหยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงหน้าซอง

      เรียนเชิญ

                    คุณภาคิน  คำวิลัยศักดิ์

      "อ่ะพี่"     ริทเอ่ยขึ้นมาพร้อมยื่นให้
      "เห??"   ผมยังงงกับการกระทำของริท
      "ริทให้พี่โตโน่คนแรกเลยนะเนี่ย"

      "โหไอ้เตี้ย!!!  ยังไงพี่ก็ต้องไปตรวจความเรียบร้อยของงานให้อยู่แล้ว พี่เป็ฯคนจัดงานให้นะ"    
                  "ไม่เอาอะ ริทไม่อยากให้พี่โตโน่ไปในฐานะคนจัดงาน ริทอยากให้พี่โตโน่ไปในฐานะ พี่ชายที่ริทรักมากที่สุด"
      ผมเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือไปรับซอง กล่าวขอบคณและยิ้มอย่างจิรงใจให้กับริททั้งหมดเท่าที่มี

      "ริทขอบคุณพี่โตโน่มากเลยนะครับที่จัดงานทั้งหมดนี้ให้กับริท ริทแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนะเนี่ย เดี๋ยวไปรับด๊อกเตอร์ณภัทรก่อนนะพี่ เดี่ยวจะงอนอีก"

      ริทเดินเข้าไปในลิฟท์เพื่อลงไปรับคนที่เขารักมากที่สุด ผมก็ได้แต่หวังใจไว้ว่า ไอ้กันคงจะทำหน้าที่คนรักได้ดีไม่แพ้ผม

                       ผมยังยืนอยู่ที่เดิม ก้มมองการ์ดเชิญที่ริทเป็ฯคนเขียนให้กับมือ แล้วยกขึ้นมาแนบกับหัวใจ


      ถึงจะเป็นแค่พี่ แต่ก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเค้า แม้ว่าในวันนี้ พี่โตโน่จะไม่ได้ยืนเคียงข้างริทในสูทสีขาวนะครับริท      โชคดีนะครับตัวเล็ก....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×